27
ตุลาคม
2022
|
10:06
Europe/Amsterdam

โคเวสโตรสามารถทำ EBITDA ได้ตามประมาณการ แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะถดถอย

ไตรมาสสาม ปี 2565: ราคาพลังงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ

สรุป

• ยอดขายของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 4.6 พันล้านยูโร 
• EBITDA 302 ล้านยูโร 
• รายได้สุทธิรวม 12 ล้านยูโร 
• กระแสเงินสดอิสระ (FOCF) 33 ล้านยูโร 
• ปรับการประมาณการของปี 2565 
• อีกก้าวสำคัญของการเดินหน้าสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน 

ผลการดำเนินงานของโคเวสโตรในไตรมาสที่สามของปี 2565 เป็นไปตามที่คาดไว้ เนื่องจากผลกระทบจากราคาพลังงานและวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นท่ามกลางวิกฤตด้านพลังงานของยุโรป อย่างไรก็ตาม ยอดขายของกลุ่มบริษัทก็ยังเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมาอยู่ที่ 4.6 พันล้านยูโร (จากเดิม 4.3 พันล้านยูโร) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนและระดับราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ส่วน EBITDA ลดลงร้อยละ 65.0 ไปอยู่ที่ 302 ล้านยูโร (จากเดิม 862 ล้านยูโร) ซึ่งหมายความว่า การดำเนินงานของโคเวสโตรเป็นไปตามตัวเลข EBITDA ที่คาดการณ์ไว้สำหรับไตรมาสที่สาม สาเหตุหลักของผลกำไรที่ลดลงนั้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้กลุ่มบริษัทได้ทำการปรับระดับราคาขายให้สูงขึ้นแต่ก็สามารถชดเชยได้เพียงแค่เล็กน้อย ซึ่งปริมาณการขายรวมที่ลดลงมีผลทำให้ผลประกอบการลดลงเช่นกัน กระแสเงินสดอิสระ (FOCF) ลดลงร้อยละ 91.3 มาอยู่ที่ 33 ล้านยูโร (จากเดิม 381 ล้านยูโร) สาเหตุสำคัญมาจากการที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลง รายรับสุทธิในไตรมาสที่สามลดลงร้อยละ 97.5 ไปอยู่ที่ 12 ล้านยูโร (จากเดิม 472 ล้านยูโร)) 

“ในตอนนี้ เราจะต้องพยายามรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะฉะนั้นเราจึงได้ใช้สิ่งที่เรามีทั้งหมด เพื่อขับเคลื่อนโคเวสโตรให้รอดพ้นจากอุปสรรคที่กำลังเผชิญอยู่นี้” ดร. มาร์คุส สไตเลอแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโคเวสโตรกล่าว “ที่สำคัญ จากการที่ราคาของเชื้อเพลิงฟอสซิลสูงขึ้นมาก แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ของโคเวสโตรในการมุ่งมั่นสู่การหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบนั้นเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง และผลิตภัณฑ์ของเราก็มีส่วนสำคัญในการปูทางสู่อนาคตที่ปราศจากการใช้ฟอสซิล”    

แม้จะมีวิกฤตด้านพลังงานในยุโรปและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง แต่โคเวสโตรก็เดินหน้ายืนยันความสามารถในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ หนึ่งในนั้นคือการใช้มาตรการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทางธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะกลาง นอกจากนี้ โคเวสโตรยังเริ่มใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อลดการพึ่งพาการใช้ก๊าซในประเทศเยอรมนี รวมถึงมุ่งเน้นที่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยมาตรการการเพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิค อาทิ การใช้เซ็นเซอร์ดิจิทัลเพื่อติดตามการทำงานของอุปกรณ์ดักไอน้ำ ซึ่งทำให้โคเวสโตรสามารถใช้ไอน้ำในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

ปรับการประมาณการของปี 2565  

“ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเรา แต่ถึงแม้ว่าจะต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งจากราคาพลังงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้นมาก แต่เราก็สามารถทำ EBITDA ได้ตามที่คาดการณ์ไว้สำหรับไตรมาสที่สาม” ดร. โทมัส เทอปเฟอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินกล่าว “จากผลประกอบการนี้ เราคาดว่าในปีนี้ เราจะสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้”   

โคเวสโตรได้ปรับการประมาณการของปี 2565 ซึ่งประกาศออกไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 และตอนนี้คาดว่า EBITDA จะอยู่ระหว่าง 1.7 พันล้านยูโรถึง 1.8 พันล้านยูโร (จากเดิม ระหว่าง 1.7 พันล้านยูโรถึง 2.2 พันล้านยูโร) และ FOCF จะอยู่ระหว่าง 0 ล้านยูโรถึง 100 ล้านยูโร (จากเดิม ระหว่าง 0 ล้านยูโร ถึง 500 ล้านยูโร) อัตราผลตอบแทนจากเงินทุนสำหรับการถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของเงินทุนคาดว่าจะอยู่ระหว่างลบสองจุดเปอร์เซ็นต์และลบหนึ่งจุดเปอร์เซ็นต์ (จากเดิม ระหว่างลบสองและบวกสองจุดเปอร์เซ็นต์) และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าคาดว่าจะอยู่ที่ระหว่าง 5.0 ล้านเมตริกตันถึง 5.4 ล้านเมตริกตัน (จากเดิม ระหว่าง 5.3 ล้านเมตริกตันถึง 5.8 ล้านเมตริกตัน) 

อีกก้าวสำคัญของการเดินหน้าสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน  

โคเวสโตรยังคงเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ เพื่อมุ่งสู่การหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบตลอดไตรมาสที่สามของปี 2565 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะหาแหล่งวัตถุดิบทางเลือกให้มากขึ้น และยุติการใช้ทรัพยากรฟอสซิลอย่างน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในระยะยาว   

ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 เป็นต้นมา SOL Kohlensäure GmbH & Co.KG ได้เข้ามาเป็นผู้จัดหาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ชีวภาพ (CO 2 ) ให้กับศูนย์การผลิตใน Lower Rhine ของโคเวสโตรภายใต้ ความร่วมมือด้าȨารจัึϸาพลังงาน ซึ่งเป็นก๊าซจากการจัดการของเสียภายในโรงงาน โดยโคเวสโตรใช้ก๊าซชนิดนี้ในการผลิตพลาสติก เช่น MDI (เมทิลีนไดเฟนิลไดไอโซไซยาเนต) หรือโพลีคาร์บอเนต ทั้งนี้ SOL จะจัดหาคาร์บอนไดออกไซด์ชีวภาพให้แก่บริษัทมากถึง 1,000 เมตริกตันภายในปีนี้ ซึ่งช่วยให้โคเวสโตรสามารถลดการใช้คาร์บอนไดออกไซด์จากแหล่งฟอสซิลได้ในปริมาณที่เท่ากัน ทั้งนี้ ปริมาณของการจัดหาจะเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป   

ยิ่งไปกว่านั้น โคเวสโตรยังได้เพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนในไตรมาสที่สาม หลังจากที่เปิดตัว MDI ที่มีความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ และ TDI (โทลูลีนไดไอโซไซยาเนต) แบบหมุนเวียน และในเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา โคเวสโตรก็ได้เปิดตัว โพลิออลโพลีอีเทอร์ชีวภาพแบบหมุȨวียน – ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีความยั่งยืนสำหรับการผลิตโฟมโพลียูรีเทน ซึ่งใช้สารตั้งต้นที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ขยะอินทรีย์หรือวัสดุเหลือใช้อื่น ๆ ในการผลิต สำหรับเป็นวัตถุดิบทางเลือกเพื่อผลิตโฟมชนิดแข็ง และ โฟมชนิดยืดหยุ่น ซึ่งโฟมเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการผลิตฉนวนกันความร้อนประสิทธิภาพสูงสำหรับอาคารและตู้เย็น หรือ สำหรับผลิตที่นอน เฟอร์นิเจอร์หุ้มเบาะ เบาะที่นั่งสำหรับรถยนต์ หรือรองเท้า เป็นต้น    

นอกจากนี้ การหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบและความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่ายังเรียกได้ว่าเป็นพระเอกของงานแสดงสินค้าพลาสติกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ที่จบไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 โดยในงานนี้ โคเวสโตรได้นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในด้านของการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า การออกแบบที่ชาญฉลาด การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน และเศรษฐกิจหมุนเวียน ตัวอย่างเช่น กระบวนการใหม่ ที่จะช่วยแยกวัสดุชนิดต่างๆ ในบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากฟิล์มหลายชั้น หรือ คอนเซ็ปต์ Wallbox แบบใหม่ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งจะȨมาใช้ใȨะบบชาร์จไฟของยานยนต์ไฟฟ้า&Բ;

ยอึϾาย๶พิ่มขึ้นทั้งสองกลุ่มธุรกิจ&Բ;

ยอดขายในกลุ่มวัสดุประสิทธิภาพสูง (Performance Materials) ในไตรมาสที่สามของปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่า 2.3 พันล้านยูโร (จากเดิม 2.2 พันล้านยูโร) โดยมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนและระดับราคาขายที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน ปริมาณการขายรวมที่ลดลง ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ที่ลดลงเป็นหลัก ได้ส่งผลกระทบทางลบต่อ EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ ลดลงร้อยละ 92.5 ไปอยู่ที่ 53 ล้านยูโร (จากเดิม 708 ล้านยูโร) สาเหตุสำคัญมาจากการที่อัตรากำไรซึ่งลดลงจากราคาขายที่สูงขึ้นจะสามารถชดเชยราคาวัตถุดิบและพลังงานที่ถีบตัวขึ้นได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะเดียวกัน FOCF ลดลงร้อยละ 64.0 ไปอยู่ที่ 93 ล้านยูโร (จากเดิม 258 ล้านยูโร) ส่วนใหญ่เป็นเพราะ EBITDA ที่ลดลง    

ยอดขายในกลุ่มโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน (Solutions & Specialties) ในไตรมาสที่สามของปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนไปอยู่ที่ 2.2 พันล้านยูโร (จากเดิม 2.1 พันล้านยูโร) โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนและระดับราคาขายที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน ปริมาณการขายทั้งหมดซึ่งเกิดจากอุปสงค์ที่ลดลง มีผลกระทบทางลบต่อ EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ เพิ่มขึ้นเป็น 280 ล้านยูโร หรือคิดเป็นร้อยละ 26.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว (จากเดิม 221 ล้านยูโร) สาเหตุหนึ่งมาจากการตั้งประมาณการค่าตอบแทนผันแปรระยะสั้นที่ต่ำลง อัตรากำไรขั้นต้นยังคงทรงตัวในระดับเดียวกับปีที่แล้ว เนื่องจากราคาขายที่สูงขึ้นสามารถช่วยชดเชยในส่วนของราคาวัตถุดิบและพลังงานที่สูงขึ้นได้ FOCF เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.0 ไปอยู่ที่ 65 ล้านยูโร (จากเดิม 52 ล้านยูโร) เนื่องจาก EBITDA ที่สูงขึ้น 

ระดับราคาที่สูงในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2565 

ยอดขายของกลุ่มบริษัทในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.1 ไปอยู่ที่ 14.0 พันล้านยูโร (จากเดิม 11.6 พันล้านยูโร) สาเหตุหลักมาจากระดับราคาขายที่สูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน โดย EBITDA ของกลุ่มบริษัทในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2565 ลดลงร้อยละ 31.7 ไปอยู่ที่ 1.7 พันล้านยูโร (จากเดิม 2.4 พันล้านยูโร) โดยมีสาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากราคาวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยที่ไม่สามารถชดเชยในส่วนนี้ได้ แม้ว่าจะมีการเพิ่มระดับราคาขายให้สูงขึ้น เป็นการช่วยเสริมได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รายได้สุทธิในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2565 ตกลงร้อยละ 52.3 ไปอยู่ที่ 627 ล้านยูโร (จากเดิม 1.3 พันล้านยูโร) FOCF ลดลงเหลือ -412 ล้านยูโร (จากเดิม 1.1 พันล้านยูโร) สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก EBITDA ที่ลดลงและการเพิ่มขึ้นของเงินทุนที่เกี่ยวข้องกับเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงาน โดยเฉพาะการจ่ายค่าตอบแทนผันแปรระยะสั้นของปีงบประมาณ 2564 ที่ประสบความสำเร็จมาก


ข้อมูล๶พิ่ม๶ติม:

  • ตารางด้านล่างแสดงข้อมูลที่สำคัญของโคเวสโตร เอจี สำหรับไตรมาสที่สองของปี 2565   
     
  • ท่านสามารถึϸวน์โหลดคำชี้แจงประจำไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2565   
     
  • Tท่านสามารถดูรายงานประจำปี 2564 ได้ที่

ข้อความแม่แบบ

๶กี่ยวกับโค๶วสโตร:&Բ;

โคเวสโตรคือหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุโพลิเมอร์และส่วนประกอบทางโพลิเมอร์คุณภาพสูงชั้นนำของโลก ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และวิธีการ บริษัทช่วยส่งเสริมความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตในหลายแง่มุม โคเวสโตร ให้บริการลูกค้าทั่วโลกในอุตสาหกรรมหลัก เช่น การเดินทางและการขนส่ง อาคารและที่อยู่อาศัย ตลอดจนอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ โพลิเมอร์จากโคเวสโตร ยังใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ กีฬาและสันทนาการ เครื่องสำอางและสุขภาพ ตลอดจนในอุตสาหกรรมเคมีด้วย 

เรามุ่งมั่นในการก้าวไปสู่การหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบ และตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ ภายใน ค.ศ. 2035 (scope 1 และ scope 2) และสร้างยอดขายได้ประมาณ 15.9 พันล้านยูโรในปีงบประมาณ 2564 โดยบริษัทมีโรงงานผลิต 50 แห่งทั่วโลกและมีพนักงานประมาณ 17,900 คน (คำนวณจากจำนวนพนักงานประจำ) 

 

ข้อความที่บ่งชี้ถึงอȨคต&Բ;

ข่าวประชาสัมพันธ์ชิ้นนี้อาจมีข้อความที่บ่งชี้ถึงอนาคต โดยใช้ข้อสันนิษฐานและการคาดการณ์ของโคเวสโตร เอจี เป็นพื้นฐาน ปัจจัยด้านความเสี่ยงที่คาดการณ์ได้และที่คาดการณ์ไม่ได้ ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่น ๆ อาจส่งผลต่อข้อมูลที่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งด้านผลประกอบการจริง สถานการณ์ทางการเงิน ผลการดำเนินงานและการพัฒนาของบริษัทในอนาคต โดยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ หมายรวมถึงปัจจัยที่อยู่ในรายงานที่โคเวสโตรเผยแพร่ ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลได้บนเว็บไซต์โคเวสโตร www.covestro.com. ทั้งนี้ โคเวสโตรจะไม่ขอรับผิดชอบในการแก้ไขข้อความบ่งชี้ถึงอนาคตต่าง ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ตรงตามสถานการณ์หรือการพัฒนาในอนาคต